วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สีสัน พบพระ

สีสันผลผลิต ของ อ.พบพระ จ.ตาก  ที่เตรียมจัดงาน วันเกษตรพบพระ ในวันที่ 4 5 6  ธันวาคม นี

วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค









เล็กน้อยๆ กับพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ณ วัดอรุณราชวราราม เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา7 รอบ 5 ธันวาคม 2554

A PART OF The Royal Barge Procession to Present the Royal Kathin Ceremony in a part of The Celebration on the Auspicious Occasion of His Majesty the King’s 85th Birthday Anniversary 5th December 2012.(TATNEWS)

วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

King Rama 9



         

   พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคแม่น้ำเจ้าพระยา โดยประทับเรือพระที่นั่งอังสนา จากท่าน้ำ รพ.ศิริราช ถึงเกาะเกร็ดมายังท่าน้ำกรมชลประทาน สามเสน เพื่อทรงประกอบพิธิเปิดเขื่อนและโครงการชลประทาน 5 แห่ง   

Cheers of "Long Live the King" echoed along the River of Kings as His Majesty travelled by a double-decker cruise ship from Bangkok to Nonthaburi to preside over the inauguration of five royal projects at the Royal Irrigation Department headquarters.The five projects are Khun Dan Prakan Chon Dam in Nakhon Nayok, Khwae Noi Bam Roong Dan Dam in Phitsanulok, Payang Bhumipat water tunnel in Kalasin, Thoranit-Narumitr Water Gate in Nakhon Phanom and Uthokvibhajaprasid Water Gate in Nakhon Si Thammarat. :: The Nation

วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ก๋วยเตี๋ยว เพ็ญพริกเผ็ด หน้าวัดใญ่สุวรรณาราม





ก๋วยเตี๋ยว เพ็ญพริกเผ็ด หน้าวัดใญ่สุวรรณาราม จ.เพชรบบุรี ร้านนี้มีดีที่หมูหวาน ไม่ต้องเรียกเด่วมาถาม สั่งให้ครบในครั้งเดียว เด๋ยวจะรอนาน สุดยอดดด

Published with Blogger-droid v2.0.4

วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ฝนมา

 


เรือประมงพื้นบ้านดัดแปลง ที่ ฟิลิปปินส์ กำลังส่งนักท่องเที่ยวลงสู่โลกสีคราม ท่ามกลางบรรยากาศฝนที่ตกกำลังตกอยู่ไกลๆ เมฆกรองแสงของดวงอาทิตย์จนสามารถปรากฏกายได้เพียงแสงจางๆ  มันช่างดูหม่นหมองซะจริงๆ  ซึงนั่นมันก็ไม่แน่เสมอไป สถานที่เวลาและอารมณ์ของเราเองเป็นผู้กำหนด ต่างหาก ว่าจะรู้สึกอย่างไร

ว่างๆแวะไปที่  http://www.oknation.net/blog/samjaw บ้างเน้อคั่บ

วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2555

เลาะโขง แวะวัดมโนภิรมย์




นั่งรถตามถนนลัดเลาะเลียบริมแม่น้ำโขงพรมแดนที่แบ่งกันสัญชาติระหว่าง ลาวและไทย บนถนนเส้นนี้มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่มากมายเกี่ยวข้องทั้งทางประวัติศาสตร์การเมือง สถาปัตยกรรมรูปแบบต่างๆ ที่ผสมผสานความงามของหลายๆประเทศเอาไว้ด้วยกัน ตอดจนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่พันผูกกับลำน้ำที่ยาวนับพันกิโลเมตร





รถหยุดแวะให้ชม วัดมโนภิรมย์ บ้านชะโนด อำเภอว่านใหญ่ จ. มุกดาหาร วัดเก่าแก่ริมแม่น้ำโขง ที่มีอายุกว่า 300 ปี  สร้างขึ้นราว ปี 2230 ราวๆ สมัยอยุธยาตอนปลาย โดยท้าวคำสิงห์ เป็นผู้นำในการโยกย้าย จากบ้านท่าสะโน ถิ่นฐานเดิมในฝั่งลาว หลังพื้นที่ทำเลเดิมนั้นเริ่มจะคับแคบไม่เพียงต่อลูกบ้านที่มีเพิ่มจำนวนขึ้น  แต่เดิมวัดชื่อ บ้านชะโนด เดียวกับชื่อหมู่บ้านและชื่อลำห้วยที่ไหลลงสู่ลำน้ำโขง ก่อนมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดมโนภิรมย์



ศิลปกรรมสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานเข้าด้วยกันระหว่าง ไทย ลาว เขมร  อ่อนช้อยดูลงตัวงดงาม  ทั้งงานไม้และงานปูนปั้นอันวิจิตร โบสถ์ที่อยู่ตรงหน้าหลังนี้คือสิ่งที่ถูกเกริ่นนำสร้างอารมณ์   เป็นอาคารปูนหลังชั้นเดียว ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ จุญาติโยมได้ไม่มากนัก  ตั้งอยู่ท่มกลางศาสนสถานที่สร้างขึ้นภายหลังที่ให้ความรู้สึกไม่เข้ากัน


หน้าจั่วแหลมชันและงอน ซุ้มประตูใหญ่หน้าบันเป็นไม้แกะสลักลวดลายูเรียบๆ แต่แฝงไว้ซึ่งเสน์ห์ของงานไม้ ซุ้มประตูเป้นงานปูนปั้นเป็นรูปสัตว์ในพุทธกาลอย่างพญานาค แปะสัลบด้วยกระจกเพียงเล็กน้อย เพื่อสร้างความแววาวยามต้องกระทบกับสงแดดยามเช้า และหัวเสาเป็นงานปูนปั้น ตรงบันไดใหญ่หน้าบันเป็นคชสีห์คู่ขนาดพอกับลูกแกะ  บันไดด้านข้าง ซ้ายขวาราวบันไดเป็นรูปปั้นรูปสัตว์สองตัว  เป็นยามคอยป้องกันสัตว์ร้ายต่างที่จะทำร้าย
โบสถ์หลังนี้ถูกไฟไฟไหม้ไปเมื่อ กว่าร้อยปีที่ผ่านมา ความงามทางศิลปะถูกเผาไปเหลือเพียงเถ้าถ่าน ซึ่งทั้งชาวบ้านและทางวัดเองได้ร่วมมือกันบูรณะขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง แม้จะไม่งดงามเท่าเมื่อในครั้งอดีตเพราะงานฝีมือั้นไม่อาจทำเลียนแบบได้เสมอเหมือน


 ภายในโบส์มี  มี"พระประทาย"หรือ "พระองค์หลวง" พระประธานสร้างด้วยอิฐปูนดูเด่นสง่า จากพนังราบเรียบที่ไม่มีลวดลายลายจิตกรรมผาผนัง  สมสัดส่วน พระพักษ์ทั้งหมด บ่งบอกถึงสกุลช่างลาว ด้านซ้ายมีพระงา 8 องค์ นาบข้างซ้าย-ขวา องค์พระ มีพระเจ้าองค์ตื้อ และพระองค์แสน ซึ่งชาวบ้านให้ความเคารพนับถืออย่างมาก อีกทั้งพระพุทธรูปไม้กะสลักที่ชาวบ้านนำมาถวายอีกจำนวนหนึ่ง หน้าต่างทุกช่องมี "ลูกมะหวด"  แกะจากไม้ ทำหน้าที่เป็นลูกกรงป้องกันมือดีที่จะมาฉกฉวยทรัพย์สิน


แต่เพิ่งมาทราบข่าวจากทางจอแก้วย้อนหลังไปไม่นานนี้  พระงา ซึ่งแกะสลักจากเป็นพระเจ้า 8 องค์ บนงาของพลายเคน ซึ่งเป็นเคยเป็นช้างของเจ้าเมืองเวียงจันทร์ที่พลัดตกแม่น้ำถูกช่วยขึ้นมาได้ และได้ถวายให้แก่วัดนี้ในเวลาต่อมา  นั้นถูกหัวขโมยแอบย่องมาตัดแม่กุญแจประตูหน้าโบสถ์ หายไปพร้อมกับพระองค์แสน ที่เคยต้องพรากจากวัดมาแล้ว ถึง 4 ครั้งแต่ก็ได้กลับคืนมาทุกครั้งไป ในครั้งก็ได้แต่หวังว่าจะได้คืนกลับมาในไม่ช้าสมบัติของแผ่นดินที่ถูกขโมยไปยังพอจะมีโอกาสได้กลับคืนมาถ้าทุกคนที่พบเห็นช่วยกันเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแสและไม่เห็นแก่ตัว คิดจะเก็บครอบงำไว้เอง งานทางพุทธศิลป์ที่นับวันจะหาดูได้ยากขึ้น





วัดริมน้ำโขง ของจังหวัดมุกดาหาร แห่งนี้ถึงแม้จะไม่ใหญ่ไม่โตมากนัก แต่ก็มีตัวโบสถ์ที่สวงามด้วยรูปแบบโบราณซึ่งจะสร้างขึ้นใหม่ในปัจจุบันคงหาได้น้อยมาก เพราะทั้งแรงงานที่มีฝีมือขนาดนี้คงหาได้ยากเต็มที ช่วยกันดูแลและถนอมรักษาไว้ให้นาน คงไม่เกินความสามารถของคนในยุคนี้กระมัง






ว่างๆก็แวะไปที่ http://www.oknation.net/blog/samjaw ด้วยเน้อคั่บ






วันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2555

ความรุ่งเรืองอันหม่นหมอง


ความภูมิใจนั้นกว่าถูกหล่อหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวนั้นไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในเวลาเพียงแค่ช่วงข้ามคืน ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านศึกน้อยใหญ่ เสียเลือดเสียเนื้อไปไม่ใช่น้อยกว่าจะสานต่อความรุ่งเรืองมาจนถึงวันที่เราเรียกตัวเองว่าคนไทย

การสมานความคิดความอ่านบนวัฒนธรรมอันหลากหลาย ประสานกลมเกลียวกลายเป็นดินแดนสุวรรณภูมิรุ่งเรือง ไพร่ฟ้าหน้าใส อุดมสมบูรณ์ถึงขั้น จนมีคำกล่าวที่ว่า ในน้ำมีปลาในนามีข้าว   ในสมัยของ พ่อขุนรามคำแหง แห่งราชอาณาจักรสุโขทัย และตามมาด้วยราชธานีอีกหลายสมัยจนถึงปัจจุบัน


แล้วรอยยิ้มก็ถูกกระชากจางหายไปจากใบหน้าของคนส่วนใหญ่บนดินแดนนี้ เหตุความไม่สงบของการเมืองไทย ด้วยมูลเหตุแห่งความเชื่อที่ไม่อาจยอมปรองดองกันได้ รอยร้าวลึกยังก้นบึงของหัวใจ แบ่งประชาชนเป็นสองฝักสองฝ่าย จนมองไม่เห็นทางลงของสงคราม เพราะอำนาจและเงินตราเป็นสิ่งหอมหวล

ว่างๆก็แวะไปที่ http://www.oknation.net/blog/samjaw ด้วยเน้อคั่บ

วันเสาร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2555

เช้านี้ที่เชียงคาน



หลังใส่บาตรผู้คนก็แยกย้ายกระจัดกระจาย แสงแดดสีทองฉาบบ้านไม้ สวยคอตๆ


วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2555

มุมสูง พระเมรุ








ภาพมุมสูง พระเมรุงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี 

High-angle view of the royal cremation ceremony of Her Royal Highness Princess Bejaratana.

วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2555

ทำไมผมจึงเลือกสีเหลือง



ในภาพที่มีหลากหลายสีสันถ้าอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและดูลงตัวถือว่าเป็นภาพที่ดีไปกว่าครึ่ง ถ้าสามารถบอกเล่าเรื่องราวการได้ด้วยก็ยิ่งเป็นภาพที่สมบูรณ์ขึ้นไปอีก แต่ในบางสถานการณ์มันก็ไม่ได้เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ทางออกนั้นย่อมมีอยู่เสมอขึ้นกับว่าเราเลือกแบบไหนต่างหาก

ไม่ได้มาชวนให้แบ่งสีเลือกข้างนะเพ่น้อง ! เพียงแต่ว่าบางสีเวลามันอยู่ท่ามกลางสีเทาและดำเข้มนั้น มันดูชัดเจนและโดดเด่นอย่างมาก เหมาะสมที่จะใช้โหมดเลือกสีแบบไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด หนึ่งในความสามารถของกล้องตัวเล็กๆ หลายรุ่นหลายราคา หรือแม้กระทั่งโทรศัพท์ที่ฉลาดๆ ทั้งหลายที่ราคาแพ้งแพงก็ยังซื้อหามาใช้แม้ต้องยอมเป็นหนี้บ้าง ส่วนหนึ่งเพราะกลัวตกกระแส  แต่ไม่เคยปริปากบ่นเท่ากับเวลาผลิตผลทางการเกษตรมีราคาสูงขึ้นบ้างในบางช่วง

การเลือกเฉพาะสี สามารถทำได้ในหลายขั้นตอน แต่คราวนี้ขอเลือกโปรแกรมสำเร็จรูปที่ผู้ผลิตเขาใส่มาให้ด้วยง่ายกว่า มีให้เลือกหยิบเฉพาะสีใดสีหนึ่ง อย่างเช่น น้ำเงิน แดง เหลือ เขียว อาจจะมีความเข้มขันต่างกันไปบางตามผู้ผลิตในแต่ละค่าย  สีอื่นที่ถูกมองข้ามไปก็จะเป็นสีเทา และมองเห็นผลลัพธ์ที่จะได้ในทันที่ก่อนที่จะตัดสินใจบันทึกภาพ แต่ในความง่ายก็ย่อมมีข้อเสีย เนื่องจากการถ่ายภาพวิธีนี้เราจะไม่มีรูปต้นฉบับที่มีสีสันครบถ้วน หากอยากจะนำกลับมาปรับแก้เองภายหลังก็ทำไม่ได้

หลังจากทำความรู้จักและตัดสินใจที่จะใช้ระบบนี้ การจัดองค์ประกอบเป็นเรื่องที่สำคัญในขั้นตอนสุดท้าย นั่นคือควรจะจัดวางสีที่เราเลือกให้เป็นพื้นที่ให้แบ่งครึ่งแบบ 50/50 เพราะมันจะทำให้ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งแสดงความโดดเด่นออกมาอย่างชัดเจน สีเทาดำเข้มๆจะทำหน้าที่ส่งเสริมให้สีที่เราเลือกไว้เด่นขึ้น  กล้องที่ซื้อมาราคาเท่าไหร่ก็ตาม แต่ถ้าเราไม่ได้ทำความรู้จักมันดีเท่าที่ควร ก็คงไม่รู้ว่ามันทำอะไรได้อีกมากมายนัก

ว่างๆก็แวะไปที่ http://www.oknation.net/blog/samjaw  ด้วยเน้อคั่บ

วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2555

หมึกอวบอ้วน



อยากรู้ว่าถ้าคุณอยู่หลังกล้องตอนที่กำลังเล็งเจ้าหมึกตัววบๆตัวนี้ผ่านกล้อง คุณจะคิดอะไรอยู่ ที่เกิดเหตุเกาะตาชัย พังงา

วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2555

เจ้าเหมียว ติดเกาะ

 ออกปฏิบัติภารกิจของชมรมคนตื่นเช้าอยู่ริมฝั่งทะเลอันดามันซึ่งอยู่ในช่วงฤดูมรสุม แสงแดดที่เคยจ้าจางหายไป แทนที่ด้วยเมฆและฝน   พร้อมกับคลื่นและลมที่แรงได้ทุกเมื่อ ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศเบนเข็มทิศสู่เส้นทางอื่น ขณะที่ยืนรอพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า ไม่ได้มีผมเพียงคนคนเดียวที่อาบแสงสีทองของวันใหม่




เจ้าเหมียวสีเทาตัวนี้เหมือนจะมีความรู้สึกคล้ายกัน ที่มองไปทางไหนไม่ยักจะเห็นพี่น้องที่คลานตามกันมาอยู่ใกล้ๆ คอยเป็นเพื่อนเล่นให้ยืดเส้นยืดสายกันบ้าง เลยหันมาทำเนียนเข้ามาเคล้าคลอตีสนิท ถ้าเป็นดาราถือว่าเล่นดีตีบทแตก ก็มันกระโดดขึ้นตักคนแปลกหน้าที่ผ่านเข้ามาในที่แห่งนี้ และยึดเป็นที่นอนอุ่นๆ โดยวิสาสะ


เหมือนหน้าที่แกมบังคับ จำต้องกลายเป็นพี่เลี้ยงแมวมือใหม่ คอยเกาคางกล่อมให้หลับตาพริ้มอยู่ใกล้ๆ คล้ายกับเพื่อนที่คุ้นเคยกันมานาน  พยายามถามหาชื่อจากผู้ดูแลบ้านแต่ก็ไม่ได้คำตอบ ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี นึกอย่างไรก็นึกคำดีๆ โดนๆ ไม่สำเร็จ เลยใช้ความรู้สึกและสถานการณ์ของตัวเองตั้งเป็นชื่อชั่วคราวให้เจ้าเหมียวว่า "ติดเกาะ"

วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2555

แบบว่าต้องโดน


3-4 นาที ที่น่าลองสักครั้งกับการกระโดดร่ม แต่ลงทุนสูงพอๆกับความสูงที่กระโจนออกมาทีเดียว :-p



ทีซอแม ของดีที่ ท่าสองยาง


 เก็บข้าวเก็บของลงจาก ม่อนคลุย หมอกขาวๆ ยังคงลอยนิ่งรวมตัวกันอย่างหนาแน่นท้าแสงแดดในหุบเขาเบื้องหน้า พวกเรากำลังมุ่งหน้าสู่ที่ทำการ อบต.ท่าสองยาง ยังคงวนเวียนตามแหล่งท่องเที่ยวที่ยังไม่ได้เปิดตัวอีกแห่งหนึ่ง คือ “ถ้ำทีซอแม”  ซึ่งอยู่ริมทางหลวง สายแม่เสรียง-แม่สอด ใน อ.ท่าสองยาง จ.ตาก 


รถชะลอความเร็วจนจอดนิ่ง เพื่อรอสมาชิกให้มากันพร้อมหน้าพร้อมตา ในบริเวณที่ไม่น่าจะเป็นจุดที่มีความน่าสนใจซ่อนอยู่ จนเกือบจะตัดสินใจนอนรอที่รถซะแล้ว แดดแรงในช่วงก่อนเที่ยงทำให้ต้องหาที่หลบแดดใต้ร่มเงาที่พอจะหาได้ ดอกหญ้าริมทางโอนเอนตามสายลมที่พัดมาตามช่องเขา ทำให้การรอคอยดูสบายตาตามไปด้วย


หลังจากทุกคนเดินทางมาถึงโดยพร้อมเพรียงกัน พี่ดุลกับพี่ดอย เจ้าหน้าที่ อบต.ท่าสองยางก็พาเราข้ามถนน ชะโงกลงไปก็เห็นลำธารสายเล็กๆ ที่อยู่ต่ำลงไปซัก 2-3 เมตร  ไหลเลียบไหล่ทางที่เต็มไปด้วยหินก้อน ก่อนโค้งหายไปในเงาไม้ ช่วงแรกๆก็ยังจดๆ จ้องๆ ดูไลน์ ซึ่งสงสัยจะติดมาจากการดูกอล์ฟกูรูมากเกินไป ว่าจะเดินเส้นไหนจะไม่เปียก แต่สุดท้ายก็เดินลงน้ำไปกับผ้าใบคู่เก่งที่สะสมร่องรอยจากหลายสถานการณ์ ทั้งสนุกสนานและน่าหวาดเสียว เดินลุยน้ำตื้นๆ ปริ่มครึ่งหน้าแข้ง โดยหวังว่าจะไม่ลึกไปมากกว่านี้


เพียงก้าวแรกก็สัมผัสได้ถึงความเย็น ช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าที่ต้องเดินเท้ามาเป็นเวลานาน สายน้ำไหลเอื่อยๆ กับหินกรวดก้อนกลมๆ ขนาดเขื่อง อาจทำให้เพลี่ยงพล้ำลงไปนอนแช่น้ำได้ทุกก้าวย่าง จึงต้องระวังทุกก้าวเดินไม่ให้ลื่นล้มไปพร้อมกับเครื่องไม้เครื่องมือที่ไม่ถูกโรคกับน้ำเป็นอย่างมาก 


สายน้ำที่ไหลผ่านเข้าไปในถ้ำระยะไม่น่าจะเกิน 50 เมตร จะเรียกว่าถ้ำก็ไม่เต็มปากเท่าไหร่ เพราะไม่มีลักษณะเป็นโพรงโดยสมบูรณ์ ส่วนที่ควรจะเป็นเพดานถ้ำนั้นยังไม่เชื่อมต่อกัน มีช่องว่างให้ดวงอาทิตย์ยามเที่ยงส่องแสงลอดลงได้ทั้งดวง ลักษณะเป็นช่องเขาที่มีลำห้วยทีซอแมไหลผ่าน ทำให้นึกถึงภาพผนังถ้ำสีแดงของ แกรนด์แคนยอน ในอเมริกา 


เพียงแต่ว่า ผนังที่นี่ไม่ได้เป็นสีส้มออกแดง และไม่ได้ถูกลมพัดพาทรายมากัดกร่อนจนเกือบเรียบเนียนเหมือนแกรนด์แคนยอน ผนังของช่องเขานี้มีลวดลายที่เกิดจากตะกอนหินปูนที่สะสมมานานนับร้อยๆ ปี เช่นเดียวกับการเกิดหินงอกหินย้อยภายในถ้ำนั้นเอง และยังคงมีโอกาสที่จะงอกเงยออกมาอย่างต่อเนื่อง เพราะยังห่างไกลจากฝีมือนักท่องเที่ยวมือบอน  ที่นี่สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปีถ้าระดับน้ำไม่สูงและไหลแรงจนเกินไป


การเดินภายในช่องเขานั้นต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เพราะมีเศษดินตะกอนอยู่ที่ท้องน้ำจำนวนมาก เวลาก้าวเดินจึงเหมือนมีแรงดึงดูดไม่ให้ก้าวขาได้อย่างเสรี อาจเสียจังหวะขาพลิกจากการเหยียบก้อนหิน ทั้งนี้บางจุดก็ลึกกว่าบริเวณอื่นอยู่บ้าง


ด้วยลักษณะกายภาพที่เหมือนช่องเขา ทำให้อากาศถ่ายเทได้ดีกว่า ปลอดโปร่ง หายใจได้เต็มปอดกว่าหลายๆ ถ้ำ ด้วยแสงที่สามารถส่องลงมาถึงพื้นล่างได้โดยตรง สำหรับผู้ที่รักการถ่ายภาพ ที่นี่เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่สามารถถ่ายรูปได้อย่างสนุกสนาน งานนี้ก็ได้นางแบบตัวเล็กๆ อย่างน้องเมย์ มาช่วยโพสต์ท่าสร้างเรื่องราวในภาพให้สมกับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ คราวหน้าถ้ามีโอกาสจะแวะมาที่นี่ในช่วงเวลาที่เช้ากว่านี้ ทิศทางของแสงอาจจะดูแปลกตากว่านี้ก็เป็นได้ นับว่าเป็นจุดท่องเที่ยวข้างถนนที่ไม่ธรรมดาอีกจุดหนึ่ง


ถ้ำแห่งนี้ ตั้งอยู่ฝั่งซ้ายริมทางหลวงหมายเลข 105 กม.ที่ 150+500 แต่ยังไม่มีป้ายประชาสัมพันธ์จุดท่องเที่ยวที่ชัดเจน ฉะนั้นต้องสอบถามตำแหน่งที่แน่นอนจากชาวบ้านแถวนั้นหรือสอบถามกับทาง โทร.0857054459 (ดอย), 0892680116 (อดุลย์) โทรสาร 055-577437 หรือที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตาก  โทร. 0-5551-4341 -3

วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2555

พระพุทธรูปทองคำ พันล้าน

พระมหามณฑปเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา


พระพุทธรูปทองคำ

จากหัวลำโพง มุ่งหน้าสู่ถนนสายทองคำ พระมหามณฑปเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา วัดไตรมิตรวิทยาราม ตั้งเด่นเป็นสง่าก่อนเข้าประตูเมืองจีนของเยาวราช  รูปแบบสถาปัตย์แบบไทยประยุกต์ 4 ชั้น  ยอดพระมหามณฑปเป็นรูปทรงจตุรมุขอย่างอาคารปราสาทแบบไทย ไม่มีช่อฟ้าใบระกา  ส่วนบนยอดสูงสุดของตัวปราสาทพระมหามณฑป คือ ฉัตรโลหะ ๗ ชั้น พื้นผิวส่วนใหญ่บุด้วยหินอ่อน   ทำให้ดูเรียบง่ายแต่ซ่อนไว้ซึ่งความแข็งแรง คงทนและสง่างาม  ซึ่งออกแบบโดย นาวาอากาศเอก อาวุธ เงินชูกลิ่น ศิลปินแห่งชาติ  ชั้นสูงสุด ในชั้นที่ 4  เป็นสถานที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปทองคำ ส่วนชั้น 2  ถูกจัดให้เป็นห้องแสดงความเป็นมาของชาวจีน ชั้น 3 เป็นประวัติการสร้างพระพุทธรูปทองคำ




พระพุทธรูปทองคำสุโขทัยไตรมิตร  มีเรื่องที่เกี่ยวข้องราวกับนิยาย ที่คงจะมีการพูดถึงไปอีกนานแสนนานทำให้นึกถึงเรื่องของ เจ้าเงาะกับนางรจนา ที่ซ่อนร่างรูปงามอยู่กายภายใน  เมื่อครั้งแรกที่มีการบันทึกเป็นหลักฐาน ก่อนนั้น พระพุทธรูปองค์นี้ ถูกโบกปูนลงรัก ให้มีรูปลักษณ์ภายนอกเป็นเพียงพระพุทธรูปปูนปั้นเหมือนพระพุทธรูปองค์ธรรมดาองค์หนึ่งเท่านั้น จากพระพุทธรูปกว่า 1,248 องค์ ที่ถูกอัญเชิญมาจากหัวเมืองต่างๆ สู่กรุงเทพฯ ในสมัยรัชกาลที่ 1 ถูกนำไปประดิษฐ์สถานยังโบสถ์วัดพระยาไกร แต่ก็ขาดผู้ดูแลจนกลายเป็นพื้นที่รกร้าง  ต่อมาบริษัท อีสต์เอเซียติก จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทต่างชาติ ขอเช่าที่จากรัฐบาลไทย เพื่อใช้ในการประกอบกิจการโรงเลื่อย  โบสถ์ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องทำงานโดยมีพระองค์ใหญ่เด่นอยู่กลางห้อง


ต่อมาที่สุดก็ถูกอัญเชิญมาไว้ที่ วัดสามจีน อันเป็นชื่อเดิมของ วัดไตรมิตรวิทยาราม ในขณะนั้นก็กำลังมีการปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่  พระพุทธรูปโบกปูนอำพรางองค์นี้ จึงถูกตั้งไว้ท่ามกลางแดด ลมและฝน ณ บริเวณข้างๆ เจดีย์ของวัดที่ ซอมซ่อ ทั้งๆที่ผู้มาขอ และพยายามขนย้ายไปยังวัดต่างๆ หลายครั้ง แต่ก็ทำไม่สำเร็จ จนเวลาล่วงเลยมาถึง 20 ปี วิหารจึงแล้วเสร็จการ อัญเชิญขึ้นไปประดิษฐานในวิหารหลังใหม่จึงเริ่มขึ้น ทำให้ปูนบริเวณหน้าอกที่ถูกพอกเอาไว้เริ่มมีรอยปริแตกจนสามารถเห็นถึงเนื้อแท้ที่ซ่อนอยู่ด้านใน เมื่อกะเทาะปูนที่หุ้มออกทั้งหมด ก็กลายเป็นพระพุทธรูปทองคำปางมารวิชัย ที่งดงามจับตาจับใจ  และสามารถ ถอดแยกเป็นส่วนๆ เพื่อง่ายต่อการขนย้ายอีกด้วย
เป็นความสามารถของฝีมือสกุลช่างขั้นสูงของสุโขทัย คาดกันว่า อายุกว่า 700 ปี และมีน้ำหนักถึง 5,500 กิโลกรัม เป็นข่าวใหญ่ขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ไทยเมื่อ ปี 2548 อยู่นาน ทันทีที่ประชาชนทราบข่าวก็หลั่งไหลมากราบไหว้และชมความงดงามกันอย่างเนืองแน่น  และได้ถูกบันทึกความเป็นที่สุด ลงในนังสือกินเนสบุ๊ค เมื่อปี 2533  ประมาณว่าถ้ามีการสร้างอีกองค์หนึ่งในขนาดที่เท่ากัน ต้องใช้เงินซื้อทองคำตามราคาปัจจุบัน  ณ  ต้นเดือน ธันวาคม 2554  ก็อย่างน้อยๆ ก็ ทะลุ 9 พันล้านบาท นี่ยังไม่รวมค่าดำเนินการในการสร้าง  เรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธรูปทองคำองค์นี้ ทั้งหมดนี้ ถูกจัดแสดงไว้ภายในพิพิธภัณฑ์   ซึ่งอยู่ในพระมหามณฑปเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา


ส่วนในชั้นที่ 2 จัดเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับ ความเป็นมาของชาวจีนโพ้น ทะเล ที่เดินทางเข้ามาตั้งรกรากกันที่ เยาวราช มีการจำลองบรรยากาศของเรือสำเภา ที่บรรทุกสินค้า อย่างตุ๊กตาหินแกะสลัก เครื่องยาจีน เครื่องเคลือบดินเผา และอื่นๆ ที่นำเข้ามาแลกเปลี่ยนกับสินค้าของประเทศสยามในสมัยก่อนนั้น แรงงานที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเป็นจับกัง แบกข้าวแบกของให้กับพ่อค้าแม่ค้า วิถีชีวิต อาหารการกิน โดยใช้หุ่นปั้นเสมือนจริง อาคารบ้านเรือน ความบันเทิงและความเชื่อทางวัฒนธรรม และบุคคลสำคัญของย่านเยาวราช  ถูกรวมรวมไว้เป็นสัดส่วน   การจัดแสดงนิทรรศการทั้งชั้น 2 และ 3 นั้น มีคำอธิบายทั้ง ไทย จีน และ อังกฤษ รองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่มาสักการะพระพุทธรูปทองคำ

 ทุกๆ ที่ก้าวย่างไปใน กรุงเทพมหานคร เมืองเวนิสตะวันออก ที่เกือบจะก้าวตามเป็นเมืองน้ำตามเมืองเวนิสต้นฉบับ มีเรื่องราวให้น่าตื่นตาตื่นใจมากมาย เพียงแต่การจราจรที่ติดหนาแน่น ที่ส่วนหนึ่งมาจากการขาดสำนึกในเรื่องของวินัยจราจร ทำให้การเดินทางไปต่างจังหวัดดูน่าภิรมย์มากกว่า ถ้าแก้ปัญหาเรื่องการจราจรได้  และมีตัวเลือกในการเดินทางสาธารณะที่ครอบคลุม การเดินทางในเมืองหลวงแห่งนี้คงไม่น่าคิดหนักอีกต่อไป