วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2555

เลาะโขง แวะวัดมโนภิรมย์




นั่งรถตามถนนลัดเลาะเลียบริมแม่น้ำโขงพรมแดนที่แบ่งกันสัญชาติระหว่าง ลาวและไทย บนถนนเส้นนี้มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่มากมายเกี่ยวข้องทั้งทางประวัติศาสตร์การเมือง สถาปัตยกรรมรูปแบบต่างๆ ที่ผสมผสานความงามของหลายๆประเทศเอาไว้ด้วยกัน ตอดจนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่พันผูกกับลำน้ำที่ยาวนับพันกิโลเมตร





รถหยุดแวะให้ชม วัดมโนภิรมย์ บ้านชะโนด อำเภอว่านใหญ่ จ. มุกดาหาร วัดเก่าแก่ริมแม่น้ำโขง ที่มีอายุกว่า 300 ปี  สร้างขึ้นราว ปี 2230 ราวๆ สมัยอยุธยาตอนปลาย โดยท้าวคำสิงห์ เป็นผู้นำในการโยกย้าย จากบ้านท่าสะโน ถิ่นฐานเดิมในฝั่งลาว หลังพื้นที่ทำเลเดิมนั้นเริ่มจะคับแคบไม่เพียงต่อลูกบ้านที่มีเพิ่มจำนวนขึ้น  แต่เดิมวัดชื่อ บ้านชะโนด เดียวกับชื่อหมู่บ้านและชื่อลำห้วยที่ไหลลงสู่ลำน้ำโขง ก่อนมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดมโนภิรมย์



ศิลปกรรมสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานเข้าด้วยกันระหว่าง ไทย ลาว เขมร  อ่อนช้อยดูลงตัวงดงาม  ทั้งงานไม้และงานปูนปั้นอันวิจิตร โบสถ์ที่อยู่ตรงหน้าหลังนี้คือสิ่งที่ถูกเกริ่นนำสร้างอารมณ์   เป็นอาคารปูนหลังชั้นเดียว ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ จุญาติโยมได้ไม่มากนัก  ตั้งอยู่ท่มกลางศาสนสถานที่สร้างขึ้นภายหลังที่ให้ความรู้สึกไม่เข้ากัน


หน้าจั่วแหลมชันและงอน ซุ้มประตูใหญ่หน้าบันเป็นไม้แกะสลักลวดลายูเรียบๆ แต่แฝงไว้ซึ่งเสน์ห์ของงานไม้ ซุ้มประตูเป้นงานปูนปั้นเป็นรูปสัตว์ในพุทธกาลอย่างพญานาค แปะสัลบด้วยกระจกเพียงเล็กน้อย เพื่อสร้างความแววาวยามต้องกระทบกับสงแดดยามเช้า และหัวเสาเป็นงานปูนปั้น ตรงบันไดใหญ่หน้าบันเป็นคชสีห์คู่ขนาดพอกับลูกแกะ  บันไดด้านข้าง ซ้ายขวาราวบันไดเป็นรูปปั้นรูปสัตว์สองตัว  เป็นยามคอยป้องกันสัตว์ร้ายต่างที่จะทำร้าย
โบสถ์หลังนี้ถูกไฟไฟไหม้ไปเมื่อ กว่าร้อยปีที่ผ่านมา ความงามทางศิลปะถูกเผาไปเหลือเพียงเถ้าถ่าน ซึ่งทั้งชาวบ้านและทางวัดเองได้ร่วมมือกันบูรณะขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง แม้จะไม่งดงามเท่าเมื่อในครั้งอดีตเพราะงานฝีมือั้นไม่อาจทำเลียนแบบได้เสมอเหมือน


 ภายในโบส์มี  มี"พระประทาย"หรือ "พระองค์หลวง" พระประธานสร้างด้วยอิฐปูนดูเด่นสง่า จากพนังราบเรียบที่ไม่มีลวดลายลายจิตกรรมผาผนัง  สมสัดส่วน พระพักษ์ทั้งหมด บ่งบอกถึงสกุลช่างลาว ด้านซ้ายมีพระงา 8 องค์ นาบข้างซ้าย-ขวา องค์พระ มีพระเจ้าองค์ตื้อ และพระองค์แสน ซึ่งชาวบ้านให้ความเคารพนับถืออย่างมาก อีกทั้งพระพุทธรูปไม้กะสลักที่ชาวบ้านนำมาถวายอีกจำนวนหนึ่ง หน้าต่างทุกช่องมี "ลูกมะหวด"  แกะจากไม้ ทำหน้าที่เป็นลูกกรงป้องกันมือดีที่จะมาฉกฉวยทรัพย์สิน


แต่เพิ่งมาทราบข่าวจากทางจอแก้วย้อนหลังไปไม่นานนี้  พระงา ซึ่งแกะสลักจากเป็นพระเจ้า 8 องค์ บนงาของพลายเคน ซึ่งเป็นเคยเป็นช้างของเจ้าเมืองเวียงจันทร์ที่พลัดตกแม่น้ำถูกช่วยขึ้นมาได้ และได้ถวายให้แก่วัดนี้ในเวลาต่อมา  นั้นถูกหัวขโมยแอบย่องมาตัดแม่กุญแจประตูหน้าโบสถ์ หายไปพร้อมกับพระองค์แสน ที่เคยต้องพรากจากวัดมาแล้ว ถึง 4 ครั้งแต่ก็ได้กลับคืนมาทุกครั้งไป ในครั้งก็ได้แต่หวังว่าจะได้คืนกลับมาในไม่ช้าสมบัติของแผ่นดินที่ถูกขโมยไปยังพอจะมีโอกาสได้กลับคืนมาถ้าทุกคนที่พบเห็นช่วยกันเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแสและไม่เห็นแก่ตัว คิดจะเก็บครอบงำไว้เอง งานทางพุทธศิลป์ที่นับวันจะหาดูได้ยากขึ้น





วัดริมน้ำโขง ของจังหวัดมุกดาหาร แห่งนี้ถึงแม้จะไม่ใหญ่ไม่โตมากนัก แต่ก็มีตัวโบสถ์ที่สวงามด้วยรูปแบบโบราณซึ่งจะสร้างขึ้นใหม่ในปัจจุบันคงหาได้น้อยมาก เพราะทั้งแรงงานที่มีฝีมือขนาดนี้คงหาได้ยากเต็มที ช่วยกันดูแลและถนอมรักษาไว้ให้นาน คงไม่เกินความสามารถของคนในยุคนี้กระมัง






ว่างๆก็แวะไปที่ http://www.oknation.net/blog/samjaw ด้วยเน้อคั่บ






วันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2555

ความรุ่งเรืองอันหม่นหมอง


ความภูมิใจนั้นกว่าถูกหล่อหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวนั้นไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในเวลาเพียงแค่ช่วงข้ามคืน ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านศึกน้อยใหญ่ เสียเลือดเสียเนื้อไปไม่ใช่น้อยกว่าจะสานต่อความรุ่งเรืองมาจนถึงวันที่เราเรียกตัวเองว่าคนไทย

การสมานความคิดความอ่านบนวัฒนธรรมอันหลากหลาย ประสานกลมเกลียวกลายเป็นดินแดนสุวรรณภูมิรุ่งเรือง ไพร่ฟ้าหน้าใส อุดมสมบูรณ์ถึงขั้น จนมีคำกล่าวที่ว่า ในน้ำมีปลาในนามีข้าว   ในสมัยของ พ่อขุนรามคำแหง แห่งราชอาณาจักรสุโขทัย และตามมาด้วยราชธานีอีกหลายสมัยจนถึงปัจจุบัน


แล้วรอยยิ้มก็ถูกกระชากจางหายไปจากใบหน้าของคนส่วนใหญ่บนดินแดนนี้ เหตุความไม่สงบของการเมืองไทย ด้วยมูลเหตุแห่งความเชื่อที่ไม่อาจยอมปรองดองกันได้ รอยร้าวลึกยังก้นบึงของหัวใจ แบ่งประชาชนเป็นสองฝักสองฝ่าย จนมองไม่เห็นทางลงของสงคราม เพราะอำนาจและเงินตราเป็นสิ่งหอมหวล

ว่างๆก็แวะไปที่ http://www.oknation.net/blog/samjaw ด้วยเน้อคั่บ

วันเสาร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2555

เช้านี้ที่เชียงคาน



หลังใส่บาตรผู้คนก็แยกย้ายกระจัดกระจาย แสงแดดสีทองฉาบบ้านไม้ สวยคอตๆ


วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2555

มุมสูง พระเมรุ








ภาพมุมสูง พระเมรุงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี 

High-angle view of the royal cremation ceremony of Her Royal Highness Princess Bejaratana.

วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2555

ทำไมผมจึงเลือกสีเหลือง



ในภาพที่มีหลากหลายสีสันถ้าอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและดูลงตัวถือว่าเป็นภาพที่ดีไปกว่าครึ่ง ถ้าสามารถบอกเล่าเรื่องราวการได้ด้วยก็ยิ่งเป็นภาพที่สมบูรณ์ขึ้นไปอีก แต่ในบางสถานการณ์มันก็ไม่ได้เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ทางออกนั้นย่อมมีอยู่เสมอขึ้นกับว่าเราเลือกแบบไหนต่างหาก

ไม่ได้มาชวนให้แบ่งสีเลือกข้างนะเพ่น้อง ! เพียงแต่ว่าบางสีเวลามันอยู่ท่ามกลางสีเทาและดำเข้มนั้น มันดูชัดเจนและโดดเด่นอย่างมาก เหมาะสมที่จะใช้โหมดเลือกสีแบบไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด หนึ่งในความสามารถของกล้องตัวเล็กๆ หลายรุ่นหลายราคา หรือแม้กระทั่งโทรศัพท์ที่ฉลาดๆ ทั้งหลายที่ราคาแพ้งแพงก็ยังซื้อหามาใช้แม้ต้องยอมเป็นหนี้บ้าง ส่วนหนึ่งเพราะกลัวตกกระแส  แต่ไม่เคยปริปากบ่นเท่ากับเวลาผลิตผลทางการเกษตรมีราคาสูงขึ้นบ้างในบางช่วง

การเลือกเฉพาะสี สามารถทำได้ในหลายขั้นตอน แต่คราวนี้ขอเลือกโปรแกรมสำเร็จรูปที่ผู้ผลิตเขาใส่มาให้ด้วยง่ายกว่า มีให้เลือกหยิบเฉพาะสีใดสีหนึ่ง อย่างเช่น น้ำเงิน แดง เหลือ เขียว อาจจะมีความเข้มขันต่างกันไปบางตามผู้ผลิตในแต่ละค่าย  สีอื่นที่ถูกมองข้ามไปก็จะเป็นสีเทา และมองเห็นผลลัพธ์ที่จะได้ในทันที่ก่อนที่จะตัดสินใจบันทึกภาพ แต่ในความง่ายก็ย่อมมีข้อเสีย เนื่องจากการถ่ายภาพวิธีนี้เราจะไม่มีรูปต้นฉบับที่มีสีสันครบถ้วน หากอยากจะนำกลับมาปรับแก้เองภายหลังก็ทำไม่ได้

หลังจากทำความรู้จักและตัดสินใจที่จะใช้ระบบนี้ การจัดองค์ประกอบเป็นเรื่องที่สำคัญในขั้นตอนสุดท้าย นั่นคือควรจะจัดวางสีที่เราเลือกให้เป็นพื้นที่ให้แบ่งครึ่งแบบ 50/50 เพราะมันจะทำให้ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งแสดงความโดดเด่นออกมาอย่างชัดเจน สีเทาดำเข้มๆจะทำหน้าที่ส่งเสริมให้สีที่เราเลือกไว้เด่นขึ้น  กล้องที่ซื้อมาราคาเท่าไหร่ก็ตาม แต่ถ้าเราไม่ได้ทำความรู้จักมันดีเท่าที่ควร ก็คงไม่รู้ว่ามันทำอะไรได้อีกมากมายนัก

ว่างๆก็แวะไปที่ http://www.oknation.net/blog/samjaw  ด้วยเน้อคั่บ